มาสด้ามาแรงไตรมาสแรกพุ่งทะยานขึ้น 6%หนุนนโยบายรัฐ 4.0เตรียมศึกษารถยนต์ไฟฟ้า
มาสด้ามาแรงไตรมาสแรกพุ่งทะยานขึ้น 6%หนุนนโยบายรัฐ 4.0เตรียมศึกษารถยนต์ไฟฟ้า
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย)จำกัดเปิดเผยตัวเลขยอดการจำหน่ายรถยนต์มาสด้าในไตรมาสแรกของปีนี้ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ยอดขาย 3 เดือนแรกทะลุถึง 11,562 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 6%ส่วนยอดขายเดือนมีนาคมนั้นโตขึ้นกว่า 30% ในขณะที่มาสด้า2 รุ่นปรับใหม่2017ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กกวาดยอดขายเกือบ3,000 คัน สูงสุดนับตั้งแต่เปิดตัว เติบโตเพิ่มขึ้น 47% ย้ำมาสด้าเดินมาถูกทางเผยทิศทางธุรกิจปีนี้ต้องยกระดับการบริการหลังการขาย การบริการความพร้อมด้านอะไหล่ และปรับภาพลักษณ์โชว์รูมใหม่เตรียมก้าวสู่การเป็นแบรนด์พรีเมียม ประกาศเดินหน้าสนองนโยบายภาครัฐประเทศไทย 4.0 เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเตรียมศึกษาโครงการรถไฟฟ้าอย่างละเอียดปัจจุบันมาสด้าดำเนินธุรกิจบนยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า “Building Block Strategy”ระยะที่ 2ซึ่งเป็นระยะที่เลือกใช้เทคโนโลยียานยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงผนวกกับเทคโนโลยีการประหยัดน้ำมัน นั่นคือ เทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่อยู่ในรถยนต์มาสด้าที่กำลังวางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันและกำลังก้าวเข้าสู้ระยะที่ 3 นั่นคือ
การพิจารณานำเอาอุปกรณ์ไฟฟ้าเข้ามาใช้อย่างเป็นรูปธรรมสำหรับโครงการรถไฟฟ้าที่รัฐบาลเพิ่งมีมติอนุมัติโครงการไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสอดรับกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของมาสด้าแน่นอนว่ามาสด้าให้ความสนใจเป็นพิเศษแต่มีความจำเป็นต้องศึกษาในรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวที่สำคัญมาสด้าให้ความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยมาตลอดส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิตรถยนต์มาสด้าอย่างครบวงจรและเป็นฐานการผลิตนอกประเทศญี่ปุ่นแห่งแรกที่มีทั้งสายการผลิตรถยนต์สายการผลิตเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลังรวมทั้งเป็นศูนย์กลางการกระจายอะไหล่ในอาเซียนมาสด้าลงทุนในประเทศไทยกับโครงการใหญ่ๆ มากมายตั้งแต่การลงทุนโครงการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานระยะที่ 2 หรืออีโคคาร์เฟส2 โครงการ Super Clusterรวมทั้งการลงทุนมูลค่ามหาศาลในการสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์และเกียร์อัตโนมัติ ที่จังหวัดชลบุรี
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย)จำกัด กล่าวถึงทิศทางของอุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศไทยว่าจากตัวเลขยอดขายรถยนต์รวมทั้งตลาดตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมามีทิศทางที่สดใสมากขึ้น ส่งผลให้ไตรมาสแรกกลับมาเป็นบวกได้อีกครั้งนี่คือสัญญาณที่ดีหากมองถึงสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวเริ่มมองเห็นแสงสว่างจากปลายอุโมงค์หลังจากที่อึมครึมต่อเนื่องมานานหลายปีหลังจากนี้ทุกฝ่ายต้องเร่งมือเตรียมความพร้อมเพื่อสอดรับกับทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นนอกจากนี้โครงการรถไฟฟ้าที่เพิ่งผ่านการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีนั้นมาสด้าต้องเร่งศึกษาในรายละเอียดเพราะสอดรับกับแผนการผลิตของมาสด้าในระยะกลางยอดขายรถยนต์ถือเป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอีกหนึ่งปัจจัยเพราะอุตสาหกรรมรถยนต์ถือเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศรวมทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์นั้นมีมูลค่าหลายแสนล้านบาทโดยทำการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและเพื่อการส่งออกโดยเฉพาะโปรดักซ์แชมเปี้ยนอย่างรถปิกอัพขนาด 1 ตันและรถอีโคคาร์ที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐทั้งนี้ประเทศไทยนั้นถือเป็นแหล่งผลิตสำคัญอันดับ 1 ของอาเซียนในแต่ละปีมียอดการผลิตสูงกว่า 2 ล้านคันเพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก อาทิ ในภูมิภาคอาเซียนออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง ซึ่งนำเอาเม็ดเงินมูลค่ามหาศาลเข้าสู่ประเทศและสร้างงานหลายแสนตำแหน่งเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้สามารถแข่งขันบนเวทีโลก
ในช่วงปี 2557-2559ตลาดในประเทศเกิดการชะลอตัวหลังจากสิ้นสุดโครงการรถคันแรกการดึงดีมานด์ในอนาคตมารวมไว้ภายในช่วงเวลาของโครงการรถคันแรกมีผลให้ภาระหนี้ครัวเรือนพุ่งขึ้นสูงและกดดันให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่องหลังสิ้นสุดโครงการฯ โดยยอดจาหน่ายรถยนต์ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 8-9 แสนคันต่อปี เทียบกับ1.3-1.4 ล้านคันต่อปี ในช่วงที่มีโครงการฯ และยอดผลิต ลดลงมาอยู่ที่ 2ล้านคันต่อปี เมื่อเทียบกับ 2.4 ล้านคันต่อปี ในช่วงก่อนหน้าสำหรับปีนี้คาดว่าตลาดรถยนต์ของประเทศจะกลับมาคึกคักอีกครั้งโดยคาดการณ์ยอดขายรวมอยู่ที่ประมาณ 8 แสนคันหรือเติบโตเล็กน้อยประมาณ 6-8%สำหรับยอดขายรถยนต์มาสด้าเฉพาะเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมามียอดขายรวมทั้งสิ้น 5,015 คัน เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคม2559 มียอดขายอยู่ที่ 3,871 คัน
โดยรุ่นที่มียอดขายสูงสุดได้แก่รถยนต์นั่งมาสด้า2 มียอดขายสูงถึง 2,904 คันทุบสถิติใหม่มียอดขายสูงสุดนับตั้งแต่เปิดตัวเป็นต้นมา เติบโตเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง47% รองลงมาได้แก่รถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร มียอดขายจำนวน 822 คันเพิ่มขึ้น 37% และมาสด้า3 ที่เพิ่มเปิดตัวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา 520 คันเพิ่มขึ้น 32% สูงสุดในรอบ 15 เดือน รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์มาสด้าซีเอ็กซ์-3 จำนวน 500 คัน และมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 จำนวน 267 คัน และรถสปอร์ตมาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 จำนวน 2 คัน
นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จะเห็นได้ว่ายอดขายรถยนต์มาสด้าทั้ง 3 รุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่เราได้ปรับโฉมใหม่และเพิ่มเทคโนโลยีใหม่เข้ามาจนล้นคันรวมทั้งสกายแอคทีฟ-วีฮีเคิล ไดนามิกส์ และระบบคบคลุมการทรงตัวอัจฉริยะ จี-เวคเตอริ่ง คอนโทรล เข้ามาในรถทั้ง 3 รุ่น คือ มาสด้า2 มาสด้า3 และมาสด้าซีเอ็กซ์-3ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันในขณะที่ยอดขายรถยนต์มาสด้าในไตรมาสแรกของปีนี้เริ่มเห็นแววความสดใสเด่นชัดมากขึ้น โดยปิดตัวเลขสูงถึง 11,562 คัน สูงสุดในรอบ 4 ปีหรือเติบโตเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2559 มียอดขายอยู่ที่10,904 คัน โดยรุ่นที่มียอดขายสูงสุดได้แก่รถยนต์นั่งมาสด้า2 มียอดขายสูงถึง6,633 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 14% รองลงมาได้แก่รถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปรมียอดขาย 1,791 คัน เพิ่มขึ้น 17% รถยนต์นั่งมาสด้า3 จำนวน 1,324 คันเพิ่มขึ้น 11% รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 จำนวน 1,015 คันและมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 จำนวน 795 คัน ส่วนรถสปอร์ตโรดสเตอร์มาสด้าเอ็มเอ็กซ์-5 จำนวน 4 คัน
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่ายอดขายรถยนต์มาสด้าที่แรงต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมกราคมนั้นสะท้อนให้เห็นว่ารถยนต์มาสด้านั้นเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ ยอดขายที่เพิ่มขึ้นทุกๆเดือนยังแสดงให้เห็นว่ามาสด้านั้นต้องแข่งขันกับตัวเองอย่างหนักความมุ่งมั่นของชาวมาสด้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มทำให้มาสด้าได้มาซึ่งเทคโนโลยีที่ให้ทั้งสมรรถนะความแรงและการประหยัดน้ำมันเป็นเลิศอย่างเช่นเทคโนโลยีสกายแอคทีฟประกอบกับรูปลักษณ์โดดเด่นสวยงามในแบบ โคโดะ ดีไซน์ก็ทำให้มีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ หันมามองแบรนด์มาสด้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆดังนั้นทิศทางธุรกิจของมาสด้าในปีนี้จะมุ่งพัฒนาบริการหลังการขายที่ครบวงจรทั้งด้านรูปลักษณ์ของโชว์รูม ศูนย์บริการ การพัฒนาบุคลากรและการสำรองอะไหล่
เพื่อรองรับกับปริมาณรถยนต์มาสด้าที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆหลังจากเทคโนโลยีสกายแอคทีฟเปิดตัวมากว่า 2 ปีในเมืองไทยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้มาสด้าประความสำเร็จอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย
1. โครงสร้างเครือข่ายผู้จำหน่าย –มาสด้ากำลังเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย พร้อมๆ ไปกับการปรับภาพลักษณ์ของโชว์รูมใหม่ภายใต้ MazdaCorporate Identity
2. ด้านผลิตภัณฑ์ – เรามี Product ที่ยอดเยี่ยม เรียกว่าดีที่สุดในปัจจุบันที่มากับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ การออกแบบที่สวยงามรวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด SKYACTIV – VEHICLE DYNAMICS และG-Vectoring Controlซึ่งเราจะทำการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
3. ด้านการบริการหลังการขาย – เราจะกำจัดจุดอ่อน ให้กลายเป็นจุดแข็งเรากำลังเดินหน้ายกระดับคุณภาพของการบริการหลังการขายให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ และเป็นมาตรฐานเช่นเดียวกับมาสด้าทั่วโลกซึ่งวันนี้คุณสามารถเดินไปที่โชว์รูมมาสด้าเพื่อสัมผัสประสบการณ์นี้ได้
4. เป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่ลูกค้ารัก และจะรักตลอดไป -การสร้างสายสัมพันธ์อันแนบแน่นกับลูกค้าการจัดกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้าได้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานเร้าใจ เกิดเป็นสังคมคนรักมาสด้า หรือ ZOOM-ZOOM Societyในขณะที่ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์
แสดงความเห็นว่าด้วยยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นผลพวงจากการสื่อสารกับลูกค้าในทุกๆ ช่องทาง โดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยี ซึ่งจริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจแต่มาสด้าเน้นไปที่การได้ทดลองขับแล้ว ต้องลองของจริงกอปรกระแสความนิยมของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วเนื่องจากผู้บริโภคและผู้ใช้งานจริงสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสกายแอคทีฟได้อย่างที่ต้องการและมีการบอกต่อและแนะนำไปยังเพื่อนและคนในครอบครัวทำให้เป็นกระแสและการตอบรับในวงกว้างเป็นการสื่อสารจากผู้บริโภคถึงผู้บริโภคด้วยกันเป็นช่องทางการสื่อสารใหม่นอกเหนือจากการสื่อสารการตลาดที่บริษัทฯทำรวมถึงการเน้นให้ผู้บริโภคได้ทดสอบทดลองขับรถมาสด้าเพื่อให้เกิดการรับรู้และเข้าใจถึงตัวรถก่อนการตัดสินใจซื้อ