พิธา ก้าวไกล อาจตกม้าตายด้วยคดีหุ้นสื่อ

โดยสัญญาการกู้ไม่เป็นไปตามกลไกตลาด กลไกตลาดคืออะไร คือการทำสัญญาเงินกู้ที่มีการคิดดอกเบี้ย และการกำหนดคืนเงิน แต่คุณธนาธร ให้กู้เหมือนให้เปล่า ไม่กำหนดดอกเบี้ยที่ควรจะเป็น และกำหนดการคืนที่ไม่ชัดเจน เมื่อลักษณะเหมือนให้เปล่า จึงนับการหลบเลี่ยงภาษี รูปแบบหนึ่ง
เจ้าหน้าที่สรรพากรอธิบายภายหลังว่า มีลักษณะการหลบเลี่ยงภาษีทางบัญชี ด้วยการโอนค่าจ้าง ลงบัญชีเป็นเงินกู้ยืม เพราะทางบัญชี เงินกู้ ไม่นับเป็นรายได้ เมื่อไม่นับเป็นรายได้ ก็ไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งมีหลายบริษัททำแบบนี้ การตีความว่า เงินกู้ จะใช่หรือไม่ใช่รายได้ นั้นขึ้นอยู่กับเอกสารสัญญากู้ยืม ถ้าเอกสารนั้นมีการคิดดอกเบี้ยไปตามราคาตลาดเช่น 10-12 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี มีกำหนดการโอนคืนภายใน 10 ปี โดยแบ่งเป็นกี่งวด งวดละเท่าไหร่ ถ้าชัดเจนแบบนี้ สรรพากรจะตีความเป็นเงินกู้ ไม่ใช่รายได้
แต่ในกรณีเงินกู้ของคุณธนาธรมันไม่ชัดเจนแบบนั้น ลักษณะเหมือนให้เปล่าไม่กำหนดการคืนที่ชัดเจน ดอกเบี้ยต่ำจนเรียกได้ว่าเก็บพอเป็นพิธี ศาลรัฐธรรมนูญ จึงตีความว่าเป็นรายได้จากการบริจาค เมื่อเป็นรายได้เกิน 10 ล้านบาท ก็จะเข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งนำไปสู่การยุบพรรคในที่สุด
กลับมาที่เรื่องคุณพิธาคิโอ การเตะตัดขาช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 ครั้งนี้เป็นฝีมือของ เด็กเก่า พรรคอนาคตใหม่ ที่ไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีการโพสต์ในทำนองนี้ตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เขารู้มานานแล้วว่าใครในพรรคก้าวไกลทำอะไรที่เสี่ยงโดนฟ้องบ้าง เพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมออกมาเปิดโปง และเป็นการแฉที่ส่งผลกระทบต่ออนาคตพรรคก้าวไกลอย่างมากเสียด้วย
แต่จุดที่ไม่น่าเชื่อว่าคุณพิธา จะพลาดก็คือ คดีการถือหุ้นสื่อนั้น คุณธนาธร เคยพลาดถือหุ้นสื่อ เมื่อครั้งยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ จนถูก กกต. สั่งลงโทษมาแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้สมัคร สส. ถือครองหุ้นสื่ออยู่ในมือ แถมยังเป็นก๊วนพรรคเดิมที่เคยโดนคดีนี้มา จึงเรียกได้ว่าตกมาตายกับเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ถึงแม้คุณพิธา จะอ้างว่าเป็นของกองมรดก แต่บิดาเสียชีวิตมา 16 ปีแล้ว และชื่อปรากฏในนามคุณพิธามาตลอด ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะพ้นบทลงโทษเช่นเดียวกับคุณธนาธร ที่โดนไปก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน