นาซาแถลงข่าวใหญ่ค้นพบมหาสมุทรแห่งใหม่ในระบบสุริยะ
นาซาแถลงข่าวใหญ่ค้นพบมหาสมุทรแห่งใหม่ในระบบสุริยะ มุ่งเป้าส่งยานค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก
นาซาแถลงข่าวใหญ่พบหลักฐานล่าสุดมีมหาสมุทรบนดวงจันทร์เอนเซลาดัส ดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์ พบหลักฐานชี้ชัด น้ำ แหล่งพลังงาน และสารเคมี คาดมีโอกาสเจอสิ่งมีชีวิตนอกโลก มุ่งเป้าเดินหน้าโครงการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกต่อไป
นาซาแถลงข่าวใหญ่พบหลักฐานล่าสุดมีมหาสมุทรบนดวงจันทร์เอนเซลาดัส ดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์พบหลักฐานชี้ชัด น้ำ แหล่งพลังงาน และสารเคมี คาดมีโอกาสเจอสิ่งมีชีวิตนอกโลกมุ่งเป้าเดินหน้าโครงการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกต่อไป
ดร. ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 14 เมษายนพ.ศ. 2560 เวลา 1:00 น. ตามเวลาประเทศไทย องค์การบริหารการบินและอวกาศสหรัฐอเมริกา หรือนาซา แถลงข่าวการค้นพบหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับมหาสมุทรสองแห่งในระบบสุริยะ เป็นข้อมูลการค้นพบจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล และยานสำรวจอวกาศแคสสินี ดังนี้
1. ทีมงานกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลค้นพบหลักฐานยืนยันเพิ่มเติมว่าดวงจันทร์ยูโรปาของดาวพฤหัสบดีมีพวยของเหลว (ซึ่งมีโอกาสเป็นน้ำ) พุ่งขึ้นมาพวกเขาค้นพบของเหลวพุ่งสูงประมาณ 100 กิโลเมตรจากผิวของดวงจันทร์ยูโรปาการค้นพบครั้งนี้อยู่ในตำแหน่งเดียวกับที่กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลเคยค้นพบเมื่อ 2 ปีก่อนและอยู่ในตำแหน่งเดียวกับที่ยานอวกาศกาลิเลโอสังเกตเห็นรอยแตกบนผิวดวงจันทร์ยูโรปาเมื่อสิบปีมาแล้ววิธีสังเกตการณ์น้ำพุ นักวิทยาศาสตร์รอให้ดวงจันทร์ยูโรปาเคลื่อนผ่านหน้าดาวพฤหัสบดีแล้วแสงจากดาวพฤหัสบดีที่สะท้อนจากแสงอาทิตย์ในช่วงคลื่นอัลตราไวโอเล็ต ทำให้เห็นพวยของเหลวพุ่งออกมาจากขอบดวงจันทร์ยูโรปาได้อย่างชัดเจน ในอนาคตนาซากำลังวางแผนดำเนินโครงการยูโรปาคลิปเปอร์ที่จะส่งยานอวกาศไปศึกษาดวงจันทร์ยูโรปาอย่างละเอียด
ภาพเปรียบเทียบตำแหน่งของเหลวที่พุ่งสูงจากพื้นผิวของดวงจันทร์ยูโรปาเมื่อปี 2014-2016 (ภาพ : NASA)
2. ในเดือนตุลาคม 2015 ทีมงานยานสำรวจอวกาศแคสสินีได้บังคับยานให้โคจรผ่านพวยน้ำที่พุ่งออกมาจากดวงจันทร์เอนเซลาดัสของดาวเสาร์และค้นพบแก๊สไฮโดรเจนมากมายในพวยน้ำที่พุ่งออกมานี้
คาดว่าแก๊สไฮโดรเจนเหล่านี้อาจเกิดจากกระบวนการทางเคมีระหว่างหินและน้ำในมหาสมุทรของดวงจันทร์ดวงนี้ทำให้เกิดแก๊สไฮโดรเจน คล้ายกับกระบวนการที่เกิดใต้มหาสมุทรบนโลก แก๊สไฮโดรเจนนี้อาจเป็นแหล่งพลังงานของสิ่งมีชีวิตเนื่องจากสิ่งมีชีวิตประเภทแบคทีเรียสามารถใช้แก๊สไฮโดรเจนร่วมกับคาร์บอนไดออกไซด์ที่ละลายในน้ำในการสร้างพลังงาน กระบวนดังกล่าวเรียกว่า การสังเคราะห์มีเทน ซึ่งจุลินทรีย์หลายชนิดบนโลกของเราใช้อยู่อย่างไรก็ตามยานสำรวจอวกาศแคสสินียังไม่มีอุปกรณ์เพียงพอที่จะตรวจวิเคราะห์สิ่งมีชีวิตบนดวงจันทร์เอนเซลาดัสได้จำเป็นที่จะต้องมีโครงการส่งยานคล้ายกับโครงการยูโรปาคลิปเปอร์ไปสำรวจดวงจันทร์เอนเซลาดัสในอนาคตชีวิตจะถือกำเนิดขึ้นได้ต้องอาศัยองค์ประกอบหลัก ๆ สามอย่าง ได้แก่ ตัวทำละลาย (น้ำ) แหล่งพลังงานและสารเคมีที่เหมาะสม งานวิจัยนี้บ่งชี้ว่าที่ดวงจันทร์เอนเซลาดัสของดาวเสาร์มีองค์ประกอบครบทั้งสามอย่างและของเหลวที่พุ่งออกมานั้น 98% เป็นน้ำ อีก 1% เป็นแก๊สไฮโดรเจน ที่เหลือเป็นโมเลกุลอื่น ๆจำพวกคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทนและแอมโมเนียในอนาคตการค้นพบหรือแม้กระทั่งการไม่พบสิ่งชีวิตบนดวงจันทร์ดวงนี้ จะมีความน่าสนใจพอกัน
ภาพจำลององค์ประกอบของดวงจันทร์เอนเซลาดัส (ภาพ : NASA)
ภาพจำลองโครงการยูโรปาคลิปเปอร์ (ภาพ : NASA)
ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติมว่าการค้นพบครั้งนี้เป็นหลักฐานสำคัญอีกครั้งหนึ่งที่ยืนยันว่าโลก อาจจะไม่ใช่ที่เดียวในระบบสุริยะที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ได้การค้นพบร่องรอยของน้ำบนดาวเคราะห์หรือมหาสมุทรบนดวงจันทร์ยูโรปาและเอนเซลาดัสรวมถึงเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆจะกระตุ้นให้เกิดการศึกษาหาคำตอบเกี่ยวกับการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตนอกโลกมากขึ้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับดวงจันทร์ยูโรปา และดวงจันทร์เอนเซลาดัส
ภาพเปรียบเทียบพื้นผิวของดวงจันทร์ยูโรปา (ซ้าย) และดวงจันทร์เอนเซลาดัส (ขวา) (ภาพ : NASA)
ดวงจันทร์ยูโรปา เป็นดวงจันทร์บริวารของดาวพฤหัสบดี มีขนาดเล็กกว่าดวงจันทร์ของโลกเล็กน้อยพื้นผิวเป็นน้ำแข็งที่มีความเรียบมากความเรียบในระดับนี้บ่งชี้ว่ามันมีความเปลี่ยนแปลงเชิงธรณีวิทยาทำให้ร่องรอยอุกกาบาตต่างๆที่เคยเกิดขึ้นเลือนหายไป (ในขณะที่ดวงจันทร์ของโลกเราไม่มีความเปลี่ยนแปลงเชิงธรณีวิทยาใด ๆทำให้รอยอุกกาบาตที่เกิดขึ้นไม่เลือนหายไป) นอกจากนี้หลักฐานจำนวนมาก เช่นลักษณะของเปลือกที่เป็นน้ำแข็ง น้ำพุที่พุ่งออกมาจากผิวที่ความสูงกว่า 100 กิโลเมตรจากพื้นผิวทำให้นักดาราศาสตร์มั่นใจว่าภายใต้เปลือกน้ำแข็งประมาณ 170 กิโลเมตร มีชั้นของมหาสมุทรอยู่ดวงจันทร์ยูโรปาถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1610 โดยสุดยอดนักดาราศาสตร์โลกชาวอิตาลี กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei)
ดวงจันทร์เอนเซลาดัส เป็นดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์พื้นผิวเป็นน้ำแข็งค่อนข้างเรียบและสะท้อนแสงได้ดีเยี่ยม ทำให้พื้นผิวของมันเย็นจัดถึง −198 องศาเซลเซียสเนื่องจากพลังงานถูกสะท้อนออกไป ดวงจันทร์เอนเซลาดัสถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1789 โดย วิลเลียม เฮอร์เชลนักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษคนเดียวกับที่ค้นพบดาวยูเรนัสแต่ในขณะนั้นกล้องโทรทรรศน์ไม่สามารถเก็บรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับดวงจันทร์ดวงนี้ได้มากนัก ต่อมาในปี ค.ศ.2005 ยานสำรวจอวกาศแคสสินี ได้โคจรเข้าไปใกล้ดวงจันทร์ดวงนี้แล้วทำการเก็บภาพพื้นผิวของมันอย่างละเอียดจนค้นพบสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นั่นคือ “น้ำพุ และน้ำแข็ง” ที่พุ่งออกมาจากผิวบริเวณขั้วใต้น้ำพุนั้นมีสารประเภทเกลือละลายอยู่ยานสำรวจอวกาศแคสสินีได้โคจรเข้าใกล้ดวงจันทร์ดวงนี้อีกหลายครั้งเพื่อศึกษาโครงสร้างภายในของมันข้อมูลต่าง ๆ บ่งชี้ว่ามันมีมหาสมุทรอยู่ภายใต้เปลือกน้ำแข็ง