สรุปเรื่องราวและคดี ลุงวิศวะยิงวัยรุ่นดับ

โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีโทษจำคุก 15 ปีแต่ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือจำคุก 10 ปี ขณะที่ความผิดฐานพาอาวุธปืน ปรับ 4,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 10 ปี และปรับ 2,000 บาท และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับตั้งแต่วันยื่นคำร้องขอเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องจำเลยฎีกา
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจาก
- รถตู้ของผู้ตายขับมาจอดกีดขวางหน้าร้านขายอาหารทะเลแห้ง ทำให้รถลุงวิศวะออกไม่ได้ ภรรยาออกไปบอกให้ช่วยขยับรถก็ไม่ยอมขยับ จนมีปากเสียงกัน 1 รอบ จากนั้นรถตู้ก็ขับออกไป (ศาลฎีกา ให้ความเห็นว่าเมื่อมีคนขอให้ขยับรถที่กีดขวาง แต่มิยอมรีบขยับรถให้รถคันที่ตนจอดขวางอยู่ออกไปได้ มิใช่เรื่องที่คนทั่วไปกระทำกัน เหตุการณ์เช่นนี้คนทั่วไปไม่ว่าใครก็ตามพบเจอย่อมต้องรู้สึกโกรธเป็นธรรมดา)
- ลุงวิศวะหยิบปืนเตรียมไว้พร้อมแต่แรกเผื่อมีเรื่องราว
- เมื่อต่างฝ่ายต่างขับรถออกไปได้สักระยะหนึ่ง ลุงวิศวะขับแซงไปตามทางเดียวกัน แต่ไม่ได้มีลักษณะปาดหน้า รถตู้ขับตามหลังเปิดไฟสูงใส่ ตลอดทางและไม่ยอมแซง โดยมีรถวีออสอีกคันที่มาด้วยกันตามประกบข้าง
- ภรรยาลุงวิศวะบอกให้เบรค ลุงวิศวะก็เบรคตามคำพูดภรรยา แต่พอได้ยินว่าเบรคเพื่อให้รถตู้ชนท้าย ก็ไม่ทำตามอีกเพราะเห็นว่าอันตรายเกินไปที่จะมีการชนกันเกิดขึ้นในเส้นทางเปลี่ยว
- ลุงวิศวะเห็นสถานการณ์เริ่มไม่ดี เริ่มพูดถึงจุดที่มีตำรวจอยู่เพื่อขอความช่วยเหลือ (จากบทสนทนาในรถ) เมื่อขับรถมาถึงแยกครกใหญ่จอดชิดริมฟุตบาท(ทางฝั่งลุงวิศวะอ้างว่าจอดมองหาตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ทางฝั่งผู้ตายอ้างว่าจอดเพื่อท้าทายให้มีเรื่องกัน) รถตู้ที่ตามมาขับมาจอดหน้ารถ จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นลงมารุมล้อมรถลุงวิศวะ พร้อมพูดจาท้าทาย
- ศาลฎีกาพิจารณาจากหลักฐานกล้องในรถ และพฤติการณ์ที่มองหาตำรวจตามเส้นทาง ในช่วง 5 นาทีก่อนมีเหตุยิง แสดงให้เห็นว่าหลังจากเจอเหตุการณ์ช่วงแรกลุงวิศวะใจเย็นลงแล้วไม่ได้มีเจตนาหาเรื่องต่อ แต่พยายามขับหาตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่รถตู้ขับยั่วยุ ไม่ยอมแซง และมีรถพวกพ้อง(วีออส)ขับตามประกบอีกคัน ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นพฤติการณ์จงใจหาเรื่องวิวาทไม่เลิกรา จากฝั่งของผู้ตายที่เปิดไฟสูง ขับจี้ท้าย และขับประกบ (ในขณะเดียวกันหากย้อนดูคำพิพากษาของศาลชั้นต้น กับ ศาลอุทธรณ์ ก็ใช้จุดนี้นำมาพิจารณาคดีว่าลุงวิศวะสมัครใจวิวาทด้วยเช่นกัน เพราะเตรียมปืนไว้แต่แรก มีคำพูดเชิงท้าทายหลายคำในรถ มีพฤติกรรรมที่พร้อมมีเรื่องกับผู้อื่น)
- เมื่อเห็นรถถูกล้อม และกลุ่มวัยรุ่นเริ่มพูดจากท้าทาย ลุงวิศวะจึงเปิดกระจกพูดคุยกับกลุ่มผู้ตาย
- วัยรุ่นคนหนึ่ง (ผู้ตาย) เดินเปิดประตูรถแล้วมุดหัวเข้ามาในรถของลุงวิศวะพร้อมพูดจาท้าทาย
- ลุงวิศวะโดนต่อย 1 ครั้ง เมื่อเห็นว่าตัวเองถูกทำร้ายร่างกายก่อน จึงยิงปืน 1 นัด เข้าหน้าอกวัยรุ่นผู้นั้นจนถึงแก่ความตาย
คดีนี้เป็นที่สนใจของประชาชนในช่วงเวลานั้นอย่างมากและศาลชั้นต้น กับ ศาลอุทธรณ์ตัดสิน จำคุก 10 ปี แต่จำเลยได้ยื่นประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นศาลฎีกาต่อฟ
จนกระทั่ง ศาลฎีกาได้พิจารณาใหม่อีกครั้ง แล้วพิพากษาแก้เป็น “ฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ” จำคุก 5 ปี ลดโทษให้หนึ่งสามคงจำคุก 3 ปี 4 เดือน เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ แล้ว รวมจำคุก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี คุมความประพฤติ 2 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ให้จำเลยไปเข้ารับการฝึกอบรมที่เกี่ยวกับการระงับควบคุมอารมณ์ที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน และให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์มีกำหนด 30 ชั่วโมง