Readspread.com

News and Article

ไทยจะแก้ไขอย่างไรในสงครามการค้าของทรัมป์

ที่ผ่านมาอเมริกาพยายามกีดกันการค้าจากจีน และพยายามใช้มาหลายมาตรการ แต่ก็ยังโดนเจาะผ่านการเปิดนอมินีส่งออกในนามประเทศไทย และประเทศอื่นในแถบอเมริกาใต้ เข้ามาในสหรัฐอเมริการทำให้ธุรกิจของจีนเติบโตอย่างก้าวกระโดด และทำให้สหรัฐอเมริการเสียดุลการค้าอย่างมาก

แต่หากใครกำลังคิดว่าไทยเราสามารถย้ายขั้วมาอยู่กลุ่มบริคได้ก็ต้องคิดเสียใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ทรัมป์ก็บอกแล้วถ้ามีสหรัฐก็ต้องไม่มีบริค ถ้าจะเอาบริคก็ต้องไม่มีสหรัฐ การขึ้นภาษีการค้าเป็นการบีบให้ประเทศที่เคยเอาเปรียบสหรัฐ และเริ่มเบี่ยงเบนขั้วการเมืองโลก ต้องเริ่มเปิดโต๊ะเจรจาการค้ากับสหรัฐกันใหม่ ว่าใครจะจบที่ตัวเลขเท่าไหร่ถึงจะสมเหตุ สมผล และแน่นอนว่าการเจรจาไม่ได้มีแต่ตัวเลขภาษีแต่จะมีเรื่องยุทธศาสตร์การทหารเข้าร่วมด้วย

ทำให้การกดดันของทรัมป์คราวนี้ ไทยต้องตัดสินใจให้ดีว่าจะกลับไปอยู่กับอเมริกาหรือจีน เป็นทางแยกที่ไม่ง่ายเลยสำหรับคนที่เป็นผู้นำประเทศ

ดูง่ายๆ ตอนนี้เวียดนามตั้งปลอดภาษีสินค้าสหรัฐ และเป็นฐานการผลิตใหม่ให้กับสหรัฐ ในขณะที่จีนตั้งกำแพงภาษีแข่งกับสหรัฐ ดูผิวเผินสหรัฐเสียเปรียบ เพราะสินค้าหลายอย่างของจีนทำให้ค่าครองชีพสหรัฐถูกลง แต่ในระยะยาวสงครามเศรษฐกิจครั้งนี้จะทำให้จีนเสียผลประโยชน์ในระยะยาว เช่น ฐานการผลิตสินค้าของอเมริกาและยุโรปจะหนีไปอยู่กับเวียดนาม

เศรษฐกิจเวียดนามจะโตขึ้นอย่างน้อย 5 เท่าภายในเวลาไม่เกิน 10 ปี ในขณะที่ทุนจะถูกถอนออกจากจีนไปสู่เวียดนามทั้งหมด และกำแพงภาษีจะสกัดการเติบโตธุรกิจยานยนต์ และสินค้าไอทีของจีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจจีนจะหดตัวอย่างรุนแรงแต่ถามว่าถึงขั้นล้มละลายไหมก็คงไม่เช่นนั้น เพราะจีนเองก็มีกลุ่มพันธมิตรทางเศรษฐกิจเช่นกลุ่มบริค รองรับปัญหานี้ไว้แต่การเติบโตจะไม่สวยหรูเหมือนที่ผ่านมา

มองกลับมาที่ประเทศไทยที่ตอนนี้ดูยังไงก็เสียเปรียบทุกด้าน เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอาเซียนอย่างเวียดนามที่ตัดสินใจเลือกข้างชัดเจนที่ดูไว้ไทยเราน่าจะมีทางเลือกอยู่ 3 ทางคือ

1.เลือกกลุ่มเศรษฐกิจว่าจะเลือกใครระหว่างสหรัฐกับจีน แนวทางนี้น่าอึดอัด ถ้าเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็จะมีปัญหากับอีกฝ่ายหนึ่ง

2.ตั้งกำแพงภาษีอย่างเป็นธรรม สิ่งที่อเมริกาไม่พอใจอย่างมากคือเราตั้งกำแพงภาษีกับเขาถึง 76 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่จีนเสียภาษีให้เราน้อยมาก และอาจจะไม่ได้เสียเลยในกรณีที่ลักลอบนำเข้าผ่านนอมินี ทำให้ธุรกิจของสหรัฐได้รับการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ปัญหานี้ไม่ใช่แค่สหรัฐที่ไม่พอใจ ประเทศญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ในยุโรปก็ไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราต้องตั้งภาษีสินค้านำเข้าของทุกประเทศอย่างเท่าเทียม และเหมาะสมกับความเป็นมิตร เช่น จีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากไทยที่ 17 เปอร์ เราก็ต้องเรียกเก็บภาษีสินค้าทุกชิ้นจากจีน 17 เปอร์เช่นเดียวกัน ไม่ใช่เรียกแค่ 7 เปอร์เซ็นต์กับจีน แต่เรียกเก็บ 76 เปอร์เซ็นต์กับสหรัฐ แบบนี้ไทยเราก็สมควรถูกสหรัฐต่อว่า

3.ไทยเราอาจจะเลือกนำเข้าสินค้าการเกษตรและการทหาร เพิ่มจากสหรัฐสินค้าที่น่าสนใจสำหรับการเจรจากับสหรัฐก็คงหนีไม่พ้นข้าวโพดสำหรับเลี้ยงสัตว์ ที่เราสามารถนำเข้าทดแทนข้าวโพด ที่ปลูกและเผาให้เกิดมลพิษจากประเทศเพื่อนบ้านได้ และสินค้าด้านการทหารที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของไทยเราอย่างมากแม้จะมีราคาแพงแต่ก็ช่วยลดความร้อนแรงในการจัดการปัญหาภาษีจากสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ได้

ดังนั้นขอให้เราอย่าตื่นตระหนกมากจนเกินไป การกระทำของทรัมป์เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นให้มีการเจรจาการค้ากับทุกประเทศทั่วโลกและเริ่มมาตรการทำลายเศรษฐกิจจีนในระยะยาว เราเพียงแต่ต้องรู้ให้ได้ว่า ทรัมป์ต้องการอะไรจากประเทศไทยกันแน่ ระหว่างการแข่งขันการค้าที่เป็นธรรม หรือการขอตั้งจุดยุทธศาสตร์ทางการทหาร หรือทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน

About Post Author

เขียนความคิดเห็น

Copyright © Readspread.com ติดต่อฝ่ายข่าว Tel.089-922-7859 Email/[email protected] | Newsphere by AF themes.