PMH นำนวัตกรรมไทย บุกตลาดโลกด้วยแบรนด์ POMO

นายฉัตรชัย ตั้งจิตตรง CEO/Co Founder บริษัท PMH Holding Co.ltd (พีเอ็มเอช โฮลดิ้ง จำกัด) ได้เปิดเผยว่า “สำหรับแบรนด์ POMO นั้นเราได้เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 โดยเริ่มจากการทำการตลาดในประเทศไทย ซึ่งภายหลังในปี 2017 เรามองเห็นโอกาสของธุรกิจในหลายประเทศในทวีปอเมริกา จึงได้ทำการจัดตั้งบริษัท POMO HOUSE INTERNATIONAL LLC ในประเทศสหรัฐอเมริกา
เพื่อความคล่องตัวในการทำงานและการขยายตัวของบริษัทในตลาดในทวีปอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างเสี่ยงมาก เพราะหลังจากการตัดสินใจครั้งนั้นทำให้เราต้องลดการทำการตลาดและทีมงานในประเทศ ซึ่งเคยเป็นรายได้หลักของบริษัทและทุ่มทีมงานเกือบทั้งหมดไปพัฒนาสินค้าให้ได้มาตราฐานและการยอมรับจากทั้งลูกค้าและคู่ค้าในต่างประเทศ ณ. เวลานี้เราค่อนข้างประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ในหลายๆประเทศในทวีปอเมริกา
โดยขณะนี้สัดส่วนการขายของบริษัทจากสหรัฐอเมริกานั้นมีสัดส่วน ประมาณ 60% เมกซิโก 25% ประเทศเทศไทยและประเทศอื่นๆอีก 15% โดยในปี 2563 เราได้ผลิตสินค้าจำหน่ายไปแล้วกว่า 40,000 ชิ้น
“ในช่วงโควิด – 19 ที่ผ่านมาบริษัทของเรานอกจากจะไม่ได้รับผลกระทบทางธุรกิจแล้ว ยังเติบโตมากกว่าปี 2019 อีกประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหนึ่งเพราะว่าในปี 2019 เราได้เตรียมผลิตภัณฑ์ที่จะทำตลาดในปี 2020 ซึ่งเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในช่วงที่เกิดโควิดพอดี ทำให้มีความต้องการสมาร์ทวอทซ์สำหรับการตรวจสุขภาพออกกำลังกาย ตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัยและการรักษาระยะห่างระหว่างกัน
ในขณะเดียวกันด้วยการที่เราเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กและผู้สูงอายุ ด้วยอุปกรณ์ที่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง คือสามารถทำงานได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนตลอดเวลา สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายด้วยตัวเองดูแลง่ายไม่ยุ่งยาก ทำให้ได้รับความนิยมจากลูกค้าต่างชาติซื้อไปช่วยดูแลพ่อแม่ผู้สูงอายุ หรือใช้เป็นเครื่องติดตามเด็กเวลาเดินทางไปโรงเรียน นอกจากนี้ยังขยายไปสู่อุปกรณ์ติดตามเฝ้าระวังนักท่องเที่ยวที่กักตัวในช่วงโควิดอีกด้วย” ฉัตรชัย กล่าว

ที่ผ่านมาทางบริษัท PMH ได้มีการร่วมพัฒนา ระบบ Platform IoT ทางด้านสุขภาพ (Life Connect) โดยมุ่งเน้นไปที่การดูแลผู้สูงอายุ จนถูกนำไปใช้ในโครงการดูแลผู้สูงอายุ Grand Villa Senior Living และการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยอัลไซเมอร์ กว่า 30 แห่ง ในรัฐฟลอริดา ประเทศอเมริกา ซึ่งแต่ละแห่งมีผู้สูงอายุ 60 – 70 คน
บุตรหลานสามารถติดตามเรื่องข้อมูลสุขภาพ เรื่องของความปลอดภัย ในกรณีที่ผู้สูงอายุเป็นอัลไซเมอร์ออกนอกศูนย์ก็ติดตามตัวได้ และมีเครื่องมือในการขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินได้ ซึ่งมีการเซ็นสัญญาเป็นที่เรียบร้อย และใช้งานจริงแล้วในเดือนตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา
อีกหนึ่งโครงการคือ การใช้ Platform POMO Life Connect ในโครงการ Hotel Bubble เพื่อช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว หมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งอยู่ในเครือสหราชอาณาจักร ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 เนื่องจากในโซนหมู่เกาะเคย์เมน และ คาริบเบี้ยน ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวในช่วงโควิดระบาด เราจึงได้เสนอโปรเจคนี้ไปและได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาที่เกาะ จะได้รับริสต์แบนด์ของ POMO ที่ต้องใส่ในระหว่างกักตัว
เพื่อที่จะสามารถประเมินผลด้านสุขภาพได้ตลอดเวลา โดยในระหว่าง 14 วันช่วง Quarantine นักท่องเที่ยวจะสามารถย้ายโรงแรมที่พักได้ แต่ต้องเป็นโรงแรมที่อยู่ในโครงการ bubble hotel ซึ่งใน Phase แรกจะมีทั้งหมด 6 โรงแรม และพอครบ 14 วันก็ต้องตรวจหาเชื้อโควิดอีกรอบ ถ้าไม่พบเชื้อก็สามารถเดินทางเข้าพื้นที่ส่วนอื่นๆในประเทศได้ ซึ่งตอนนี้ได้มีการเริ่มเฟสทดลองไปแล้วเมื่อ 1 พ.ย. ซึ่งเดือนหน้านี้เราต้องส่งไปทั้งหมด 5,000 เครื่อง ไปจนถึงครึ่งปีหน้าประมาณ 30,000 เครื่อง
สำหรับเมืองไทย PMH ได้รับการสนับสนุนที่ดีจาก DEPA หรือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และมีการเซ็น MOU ความร่วมมือกับบริษัท โฟล คอร์ปอเรชั่น ที่ดูแลโครงการ Smart Port ที่ท่าเรืออ่าวปอ จ.ภูเก็ต เพื่อเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวบางส่วนที่กำลังจะเดินทางเข้ามา โดยทำเป็นริสแบนด์ไปให้นักท่องเที่ยวสวมในช่วงกักตัว (Quarantine) ซึ่ง ริสแบนด์ นี้จะสามารถตรวจจับอุณหภูมิของร่างกายเขาตลอดเวลาว่ามีไข้หรือไม่ แล้วรายงานข้อมูลผ่านระบบ IoT
ให้ทีมแพทย์หรือคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากจังหวัดให้ดูแลข้อมูลรับทราบและดำเนินการต่อไปซึ่งสามารถตรวจจับได้ทั้งอัตราการเต้นหัวใจ อุณหภูมิ ความดันและข้อมูลอื่นที่จำเป็นต่อการกักตัว โดยนักท่องเที่ยวจะต้องสวมไว้ที่ข้อมือตลอด 24 หากแบตเตอรี่หมดจะต้องสวมอีกเครื่องที่ให้ไปในทันที ซึ่งระบบนี้ก็จะสามารถช่วยในเรื่องความปลอดภัยด้านสุขภาพของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้มากขึ้น และช่วยลดการสัมผัสผู้ป่วยของบุคลากรทางการแพทย์

“ในปี 2564 หลังจากที่เราหลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับบริษัทพาร์ตเนอร์ในอเมริกาและยุโรป ก็ถึงเวลาที่เราจะกลับมาโฟกัสตลาดในเมืองไทย ภายใต้แบรนด์ POMO โดยร่วมมือกับทาง “AIS” ในการวางแผนทำโปรโมชั่นและการจัดจำหน่ายร่วมกัน โดยเริ่มจาก รุ่น W4x ซึ่งถือเป็นสมาร์ทวอช ติดตามตัวสำหรับเด็กรุ่นล่าสุด
โดยเน้น การสร้างการรับรู้ผ่านทางโซเชี่ยลมีเดีย รวมไปถึงจับมือกับพาร์ทเนอร์โดยจะเน้นที่ Tech Startup ต่างๆ ในประเทศในการพัฒนาระบบ eco system ในเรื่อง Health Tech ให้มีขนาดตลาดที่ใหญ่มากขึ้น โดยเบื้องต้น จะมีการร่วมมือกันในการพัฒนา AI เพื่อทำ Health Scoring ให้กับผู้ใช้งานอุปกรณ์ของทาง POMO เป็นต้น
เรื่องการเติบโตของธุรกิจของบริษัทในปีหน้า เรายังคงเน้นการขยายขนาดในประเทศอเมริกา เมกซิโก และไทยต่อไปในปีหน้าจะเริ่มเปิดตลาดในยุโรปเพิ่ม โดยจะพยายามที่จะเน้นให้มีการรับรู้ในแบรนด์ว่ามาจากประเทศไทย เพื่อเป็นการช่วยเปิดตลาดให้เทคสตาร์ทอัพจากประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล” คุณฉัตรชัยกล่าวทิ้งท้าย

POMO W4x
• Heart rate แสดงอัตราการเต้นของหัวใจของคนที่คุณรักอย่างแม่นยำ 24/7 เทคโนโลยี Quick touch ช่วยให้คุณดึงการอ่านอัตราการเต้นของหัวใจเพื่อให้แน่ใจว่าหัวใจ แข็งแรงและสุขภาพดีเสมอ
• Blood Pressure ความดันโลหิต ตรวจจับการไหลเวียนของเลือดตลอดทั้งวันและบันทึกไว้ในแอปเพื่อให้คุณมีข้อมูลในเพื่อพัฒนาสุขภาพ ของเด็กๆให้ดีขึ้น
• Sleep tracking ติดตามการนอนหลับ มีการติดตามการนอนหลับอัตโนมัติและแม่นยำ และจะให้ภาพรวมของการนอนหลับ เพื่อพัฒนาคุณภาพการนอนหลับและสร้างนิสัยการนอนหลับที่ดีสำหรับลูกๆของคุณ
• FITNESS การออกกำลังกาย สร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพตั้งแต่เนิ่นๆด้วยฟีเจอร์การออกกำลังกาย ฟีเจอร์นี้จะนับและติดตามจำนวนก้าว ของลูกทุกวันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและสุขภาพที่ดีของร่างกาย
ราคาจำหน่าย 6,990 บาท